พริกขี้หนู

1.พริกขี้หนู
พริกขี้หนู (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) อยู่ในวงศ์ Solanaceae มีลักษณะเป็นไม้ต้น ความสูง 30-120 cm ใบมีลักษณะแบนและเรียบมัน ผลมีขนาดเล็กเรียวยาวประมาณ 2-3 ซ.ม. เมื่อดิบผลมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเผ็ดจัด นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลากหลายชนิด ชื่อในภาษาอังกฤษมีหลายชื่อ ได้แก่ Chilli Padi, Bird’s Eye Chilli, Bird Chilli, Thai pepper, พริกขี้นก
ผลมีรสเผ็ดร้อน ใช้ขับลม ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืด ผลดองสุราใช้ทาแก้ฟกช้ำดำเขียว ต้นมีรสเผ็ด ใช้ขับลม แก้กษัย รากใช้ฝนกับมะนาวแทรกเกลือ เป็นยากวาดคอ ใบใช้แก้หวัด ตำใบสดผสมกับดินสอพองพอกขมับแก้ปวดศีรษะได้

– ระยะเวลาในการปลูกและเก็บผลผลิต
ระยะเวลาในการปลูกใช้เวลา 60-70 วัน
สามารถเก็บผลผลิตได้ในวันที่ 90-100 วันของการปลูก
– สรรพคุณ
ช่วยลดน้ำหนัก, ช่วยให้อารมณ์สดใส, บำรุงสายตา, ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
– ข้อควรระวัง
ในพริกขี้หนูมีสารแคปไซซิน ที่ทำให้เกิดการระคายต่อเนื้อเยื้อ ดังนั้นการทานพริกขี้หนูมากเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื้อในปาก รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร จนทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน อาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องเสีย สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะไม่ควรทานพริกหรืออาหารที่เผ็ดมากเกินไป